คอร์สติวภาษาอังกฤษ
CU-TEP/ CU-AAT/ SAT/ TU-GET/ TOEIC
|
CU-TEP คืออะไร
การสอบที่จัดทำขึ้นโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้ในการวัดความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาทางทักษะการอ่าน การเขียนการฟัง และ การพูดเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษทั่วไป และภาษาอังกฤษกึ่งวิชาการ ซึ่ง ผลการสอบมีอายุ 2 ปี
ประกอบด้วยข้อสอบ 3 ชุดย่อย คือ
- Listening ทดสอบทักษะการฟังโดยให้ฟังเทปที่ใช้เสียงของเจ้าของภาษา และตอบคำถามวัดความเข้าใจ จำนวน 30 ข้อ เวลาสอบ 30 นาที
- Reading ทดสอบทักษะการอ่านโดยให้อ่านเรื่องที่กำหนดให้ และตอบคำถามเพื่อวัดความเข้าใจ จำนวน 60 ข้อ เวลาสอบ 70 นาที
- Writing ทดสอบความรู้ด้าน Grammar โดยให้หาจุดบกพร่องของประโยคที่กำหนดให้ (Error recognition) จำนวน 30 ข้อ เวลาสอบ 30 นาที
การสอบ Cu-tep สามารถ นำผลคะแนน ไปเทียบกับ คะแนน TOEFL ว่าได้เท่ากับเท่าไหร่ บุคคลทั่วไปสามารถนำคะแนน CU-TEP ไปใช้ได้หลายด้าน ทั้งด้านการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก สามารถนำไปใช้สมัครงาน ในด้านการศึกษาในระดับปริญญาตรีหลักสูตรนานาชาติกำหนดให้มีคะแนน CU-TEP ขั้นต่ำอยู่ที่ 550 คะแนน ส่วนปริญญาโทและปริญญาเอก ก็จะมีคะแนน CU-TEP หลายเกณฑ์แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละหลักสูตรนั้นให้ผู้เรียนใช้ทักษะระหว่างเรียนมากน้อยเพียงไร
การสอบ cu-tep นั้นในแต่ละปีจะมีการจัดสอบหลายครั้ง ผู้สมัครต้องสมัครสอบผ่านโปรแกรมลงทะเบียนแบบ Online ทาง Internet เท่านั้น โดยผู้สมัครสามารถสมัครผ่านทาง http://www.atc.chula.ac.th ค่าธรรมเนียมการสอบ 600 บาท
CU-AAT คืออะไร
แบบทดสอบวัดความถนัด CU-AAT มีไว้สำหรับผู้ประสงค์เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีหลักสูตรภาษาอังกฤษและหลักสูตรนานาชาติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยผลการสอบมีอายุ 2 ปี แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ ดังนี้
ส่วนของคณิตศาสตร์(ข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษ) มี 55 ข้อ 70 นาที คะแนนเต็ม 800 คะแนน
ส่วนของภาษาอังกฤษ มี 55 ข้อ เวลา 70 นาที คะแนนเต็ม 800 คะแนน
1. Math Section ใช้สำหรับวัดความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์ในเรื่องต่อไปนี้
- Arithmetic
- Algebra
- Geometry
- Problem solving
2. Verbal Section ใช้สำหรับวัดความสามารถทางด้านภาษาในเรื่องต่อไปนี้
- Understanding how the different parts of a sentence fit logically together
- Finding the meaning of vocabulay in context
- Identifying sentence errors
- Improving sentences and paragraphs.
แบบทดสอบส่วนนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนย่อย ดังนี้
1.The Critical Reading Section
- Sentence Completion
- Passage-based Reading
2. The Writing Section
- Improving Sentences
- Identifying Sentence Errors
- Improving Paragraphs |
|
หมายเหตุ !
1. แบบทดสอบ CU-AAT เป็นข้อสอบแบบตัวเลือกทั้งหมด
2. การคิดคะแนนหากผู้เข้าสอบตอบผิดจะถูกหักข้อละ 0.25 คะแนน ตอบถูก ได้ ข้อละ 1 คะแนน ทั้งนี้มาจากคะแนนเต็ม 55 แต่คะแนนเต็มจริง 800 คะแนน เมื่อแปลงสเกลคะแนนแล้วจะพบว่า หากน้องๆ ทำถูก จะได้ 14 คะแนนเลยทีเดียว แต่ถ้าหากทำผิด น้องจะโดนติดลบประมาณ 3.7 คะแนน นแต่ละปีจะมีการสอบหลายครั้ง ค่าธรรมเนียมการสอบ 800 บาท โดยลงทะเบียนสมัครสอบ ได้ที่ http://www.atc.chula.ac.th/
SAT คืออะไร
SAT เป็นข้อสอบที่ใช้วัดระดับความรู้ ความสามารถของนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี หลักสูตรภาษาอังกฤษ หรือใช้ยื่นในการศึกษาต่อในต่างประเทศ เพื่อเปรียบเทียบความพร้อม และความสามารถที่แท้จริงของนักเรียนแต่ละคน โดยไม่ต้องอาศัยเกรดจากโรงเรียน โดยจะทดสอบการใช้เหตุผล 2 วิชา คือ ภาษาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ข้อสอบ SAT แบ่งออกเป็น 7 section เวลาในการสอบคือ 3 ชั่วโมง โดยจัดแบ่งข้อสอบดังนี้
SAT Verbal : มี 3 ส่วน ซึ่งทดสอบในเรื่องของ Reading , Grammar และ Analytical Reasoningโดยมีรูปแบบของคำถามเป็น Analogies, Sentence Completion และ Critical Reading ระยะเวลาของการสอบคือ 1 ชั่วโมง 15 นาที
SAT Math : มี 3 ส่วนเช่นกัน ซึ่งทดสอบในเรื่องของ Algebra, Arithmetic และ Geometry โดยมีรูปแบบของคำถามแบบ Quantitative Comparisons (QCs), Regular Math และ Grid-ins ระยะเวลาของการสอบคือ 1 ชั่วโมง 15 นาที
Experimental : การสอบใน 1 section ที่เหลือนี้ จะเป็นเรื่องของบททดสอบ ซึ่งอาจเป็นทางด้านของVerbal หรือ Math และใช้เป็นข้อมูลภายในของ ETS เท่านั้น คะแนนในส่วนนี้ จะไม่นำมารวมกับคะแนนในส่วนอื่นๆ
การคิดคะแนนจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือส่วนของ Math และส่วนของ Verbal คะแนนเต็มส่วนละ 800 คะแนน รวมเป็น 1600 คะแนน หากผู้เข้าสอบตอบผิดจะถูกหักข้อละ 0.25 คะแนน ตอบถูก ได้ ข้อละ 1 คะแนน ทั้งนี้มาจากคะแนนเต็ม 55 แต่คะแนนเต็มจริง 800 คะแนน เมื่อแปลงสเกลคะแนนแล้วจะพบว่า หากน้องๆ ทำถูก จะได้ 14 คะแนนเลยทีเดียว แต่ถ้าหากทำผิด น้องจะโดนติดลบประมาณ 3.7 คะแนน
ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดและสมัครสอบผ่านเว็บไซด์ http://sat.collegeboard.com/ ค่าธรรมเนียมในการสอบคิดเป็นเงินไทย ประมาณ 2000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยุ่กับค่าเงิน ณ เวลานั้น
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการสอบ Cu-aat และ SAT มีลักษณะคล้ายกันมากโดยเราจะสรุปความแตกต่างดังนี้
- CU-AAT เป็นข้อสอบสำหรับเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วน SAT เป็นข้อสอบสำหรับเข้าหลักสูตรนานาชาติมหาวิทยาลัยไหนใดก็ได้ แม้กระทั่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย
- ราคาสำหรับค่าสอบ จะค่อนข้างแตกต่างกันเพราะว่า CU-AAT เราชำระเงินด้วยหน่วยบาท คือ 800 บาท ส่วน SAT เป็นหน่วยเหรียญ และชำระเงิน ผ่านบัตรเครดิตเท่านั้น ซึ่งราคาค่าสอบของ sat จะสูงกว่า cu-aat
- การสอบ CU-AAT และ SAT ส่วนของคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษจะเหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างกัน คือ CU-AAT จะไม่มี Writing แต่ถ้าสอบ SAT คุณต้องเตรียม Writing แต่หากผู้สนใจจะยื่นคะแนนสอบเข้าหลักสูตรนานาชาติในประเทศไทย บางมหาวิทยาลัยจะไม่นำ ส่วนของ Writing มาพิจารณา อาจจะไม่ต้องทำ หรือทำแบบไม่ต้องเครียดมาก แต่ถ้าต้องการยื่นหลักสูตรนานาชาติในต่างประเทศ ต้องเตรียมตัวส่วนของ Writing ไว้ให้ดีด้วย
- เนื้อหาส่วนใหญ่จะคล้ายกันมาก ทั้งในส่วนของคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ สิ่งที่แตกต่างกันในตัวข้อสอบ คือ ถ้าเป็น CU-AAT นั้น ข้อสอบคณิตศาสตร์ 55 ข้อ รวดเดียว ข้อสอบภาษาอังกฤษ 55 ข้อ รวดเดียว ส่วน SAT ข้อสอบคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษสลับกัน แต่จำนวนข้อ สำหรับคณิตศาสตร์ ในการสอบ CA-AAT และ SAT จะเท่าๆ กัน แต่ส่วนภาษาอังกฤษ SAT จะมีจำนวนข้อมากกว่า เพราะจะมี ส่วนของ Writing เพิ่มเติมเข้ามา
TU-GET คืออะไร
เป็นการสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษของผู้ที่ประสงค์จะสมัครเข้าเรียนในระดับปริญาตรีหลักสูตร นานาชาติ และระดับบัณฑิตศึกษา โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกอบด้วย
ตอนที่ 1 ความรู้ทางไวยากรณ์ ( Grammar) 25 ข้อ 250 คะแนน
1.1 |
Sentence Completion ( การเติมประโยคให้สมบูรณ์ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์) |
1.2 |
Error Identification ( การบ่งชี้ว่าข้อเลือกใดเป็นข้อที่ผิดกฏทางไวยากรณ์) |
|
ตอนที่ 2 ความรู้ทางด้านศัพท์ ( Vocabulary) 25 ข้อ 250 คะแนน
2.1 |
ข้อสอบแบบ Cloze เป็นข้อสอบที่เว้นช่องว่างไว้ให้เติมคำศัพท์ที่ถูกต้องโดยเลือกจากคำศัพท์ที่กำหนดให้ |
2.2 |
ข้อสอบที่มการขีดเส้นใต้คำในประโยคและให้เลือกคำที่มีความหมายใกล้เคียงกับกลุ่มคำที่กำหนดให้ |
ตอนที่ 3 การอ่านเพื่อความเข้าใจ ( Reading Comprehension) 50 ข้อ 500 คะแนน
เป็นการวัดทักษะการอ่านหลายๆ ด้าน เช่น main idea, detail information, pronoun reference, inference
และ conclusion เป็นต้น
รวมทั้งสิ้น 100 ข้อ คะแนนเต็ม 1,000 คะแนน
การสอบ tu-get ในแต่ละปีจะมีการสอบหลายครั้ง ผู้สมัครต้องสมัครสอบผ่านโปรแกรมลงทะเบียนแบบ Online ทาง Internet เท่านั้น โดยผู้สมัครสามารถสมัครผ่านทาง http://litu.tu.ac.th/TUGET/Login.aspx ค่าธรรมเนียมการสอบ 500 บาท
บุคคลทั่วไปสามารถนำคะแนน tu-get ไปใช้ได้หลายด้าน ทั้งด้านการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ในด้านการศึกษาในระดับปริญญาตรีหลักสูตรนานาชาติจะต้องมีการยื่นคะแนนในบางคณะเท่านั้น กำหนดให้มีคะแนน tu-get ขั้นต่ำอยู่ที่ ประมาณ 550 คะแนน โดยแต่ละคณะจะมีหลักเกณฑ์แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละหลักสูตรนั้นให้ผู้เรียนใช้ทักษะระหว่างเรียนมากน้อยเพียงไร
TOEIC คืออะไร
TOEIC เป็นแบบทดสอบที่ใช้วัดความสามารถของการใช้ภาษาอังกฤษ ในประเทศไทยหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สถาบันการศึกษา หน่วยงานการบิน การเงิน การโรงแรมและบริษัทข้ามชาติต่างๆ ได้นำ TOEIC ไปใช้ในลักษณะต่างๆ กัน บางแห่งเพื่อคัดเลือกเข้าทำงาน บางแห่งใช้เพื่อวัดระดับความสามารถ ทางการใช้ภาษาของ พนักงาน โดยผลสอบ TOEIC สามารถใช้ได้ 2 ปี
ปัจจุบันการสอบ TOEIC ใช้รูปแบบที่เรียกว่า Redesigned TOEIC แบ่งการสอบเป็น 2 ส่วนคือ การฟัง (Listening) และ การพูด (Reading) จำนวน 200 ข้อ คะแนนเต็มรวม 990 คะแนน เวลาในการทำข้อสอบคือ 2 ชั่วโมง ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. การฟัง (Listening Comprehension) มี 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน เวลา 45 นาที ผู้เข้าสอบจะได้ฟังคำถาม และการสนทนาสั้นๆ เป็นภาษาอังกฤษ แล้วตอบคำถามจากสิ่งที่ได้ยิน โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนย่อย ดังนี้
Part 1: Photographs 10 ข้อ
Part 2: Question-Response 30 ข้อ
Part 3: Conversations 30 ข้อ
Part 4: Short Talks 30 ข้อ
2. การอ่าน (Reading Comprehension) มี 100 ข้อ คะแนนเต็ม 495 คะแนน เวลา 75 นาที ผู้เข้าสอบจะต้องตอบคำถามจากสิ่งที่อ่าน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนย่อย ดังนี้
Part 5: Incomplete Sentences 40 ข้อ
Part 6: Text Completion 12 ข้อ
Part 7: Reading Comprehension 48 ข้อ
- ผลคะแนน TOEIC สามารถนำไปใช้ได้ทั่วโลก
- ผู้ที่ต้องการทราบทักษะด้านภาษาอังกฤษสามารถติดต่อขอสอบ TOEIC ได้ทุกวัน จันทร์-เสาร์ ตลอดทั้งปี
- ศูนย์ TOEIC รับรองผลสอบที่มีอายุ 2 ปีนับจากวันสอบ
- คะแนน TOEIC เริ่มจาก 10 คะแนนถึง 990 คะแนน โดยแบ่งคะแนนการฟังเป็น 5-495 คะแนนและ การอ่าน 5-495 คะแนน
การสมัครสอบ TOEIC สามารถสมัครด้วยตัวเองที่ อาคาร BB Building หรือโทรไปสำรองที่นั่งสอบไว้ก่อน เปิดสอบสองช่วงคือ เช้า 09.00 น.-12.00 น. และบ่าย 13.00น.-16.00 น. เปิดสอบทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ค่าธรรมเนียมการสอบ 1,200 บาท สำหรับ Classis TOEIC และ 1,500 บาท สำหรับ Redesigned TOEIC
|